“การออกแบบภายใน” ไม่ได้มีเพียงหน้าที่ในการจัดวางสิ่งของให้สวยงาม หรือใช้สไตล์ตกแต่งเพียงเพื่อความพึงพอใจทางสายตา แต่ยังเป็นศาสตร์และศิลป์ที่เกี่ยวพันกับพฤติกรรมของผู้อยู่อาศัย ความรู้สึก และประสบการณ์ที่ได้รับจากการใช้ชีวิตในแต่ละพื้นที่
ในโลกที่ไลฟ์สไตล์เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว การออกแบบสไตล์หนึ่งที่ยังคงอยู่เหนือกาลเวลา และสามารถตอบโจทย์ความต้องการของคนรุ่นใหม่ได้อย่างยืดหยุ่น คือ “Contemporary Interior Design” หรือ การออกแบบภายในสไตล์ร่วมสมัย
บทความนี้จะพาคุณเจาะลึกแนวคิดของ contemporary interior design ตั้งแต่รากฐาน แนวทางการตกแต่ง องค์ประกอบสำคัญ ไปจนถึงข้อดีของการนำไปประยุกต์ใช้ในบ้านหรือพื้นที่เชิงพาณิชย์ พร้อมคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญสำหรับผู้ที่สนใจใช้บริการหรืออยากเริ่มต้นรีโนเวตในสไตล์นี้
Contemporary Interior Design คืออะไร?
คำว่า “Contemporary” หมายถึง “ร่วมสมัย” หรือ “สอดคล้องกับยุคปัจจุบัน” ดังนั้น contemporary interior design จึงไม่ได้มีรูปแบบตายตัวเหมือน Modern, Classic หรือ Minimalist แต่จะมีลักษณะที่ผสมผสานแนวคิดของช่วงเวลานั้น ๆ เข้าด้วยกัน โดยเน้นความเรียบง่าย ฟังก์ชัน และการตอบโจทย์การใช้ชีวิต
สิ่งที่ทำให้สไตล์ contemporary แตกต่างจาก modern คือ
-
Modern design คือสไตล์ที่อิงจากยุคหนึ่ง (ช่วงศตวรรษที่ 20)
-
Contemporary design คือการออกแบบในแบบ “ปัจจุบัน” ที่เปลี่ยนแปลงตามเทรนด์และเทคโนโลยี
องค์ประกอบสำคัญของ Contemporary Interior Design
1. เส้นสายและรูปทรงที่เรียบง่าย
ลายเส้นในงานตกแต่งร่วมสมัยมักเน้น “เส้นตรง” หรือ “เส้นโค้งที่ไม่ซับซ้อน” สะท้อนความสงบแต่มีพลัง การเลือกเฟอร์นิเจอร์ทรงเรขาคณิต หรือของตกแต่งที่ดูน้อยแต่น่าสนใจ เป็นหัวใจของแนวทางนี้
2. โทนสีที่เป็นกลาง (Neutral Tones)
สีที่ใช้มักอยู่ในโทนขาว เทา ดำ น้ำตาลอ่อน หรือเบจ ซึ่งช่วยให้พื้นที่ดูปลอดโปร่งและสามารถผสมผสานสีอื่นได้อย่างยืดหยุ่น เช่น เพิ่มความโดดเด่นด้วยเฟอร์นิเจอร์สีเข้มหรือพืชสีเขียว
3. วัสดุผสมผสาน (Mixed Materials)
Contemporary design ไม่จำกัดตัวเองอยู่กับวัสดุชนิดใดชนิดหนึ่ง มักใช้ไม้ธรรมชาติ ผ้า โลหะ กระจก และหินร่วมกันอย่างสมดุล เพื่อเพิ่มพื้นผิวที่หลากหลายแต่กลมกลืน
4. แสงธรรมชาติและการจัดวางแสงอย่างชาญฉลาด
สไตล์นี้ให้ความสำคัญกับ “แสง” มาก ทั้งจากธรรมชาติ (Natural Light) และการวางไฟส่องเฉพาะจุด (Accent Lighting) เพื่อสร้างบรรยากาศและเน้นรายละเอียดของวัสดุ
5. การเว้นจังหวะ (Negative Space)
ความโล่ง ความว่าง และการจัดองค์ประกอบโดยไม่ให้แน่นเกินไป คือจุดเด่นของสไตล์นี้ การจัดวางเฟอร์นิเจอร์จะมี “พื้นที่ให้หายใจ” ไม่อัดแน่นจนเกินงาม
Contemporary Interior Design เหมาะกับใคร?
-
✅ ผู้ที่ต้องการความทันสมัย แต่ไม่อยากตามแฟชั่นเร็วเกินไป
-
✅ คนที่ชอบความเรียบง่าย แต่ไม่จำเป็นต้อง “มินิมอล”
-
✅ เจ้าของบ้านที่ต้องการความยืดหยุ่นในการตกแต่ง
-
✅ นักธุรกิจที่ต้องการภาพลักษณ์ “ทันสมัยอย่างมีระดับ” สำหรับสำนักงานหรือพื้นที่เชิงพาณิชย์
-
✅ โครงการอสังหาฯ ที่ต้องการตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าระดับกลาง–บน
ข้อดีของ Contemporary Interior Design
-
🌟 สไตล์ไม่ตกเทรนด์ง่าย เพราะเป็นการออกแบบที่พัฒนาตามยุค แต่ไม่ยึดติดแฟชั่นชั่วคราว
-
🌟 เข้าได้กับทุกขนาดของพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นห้องนอนคอนโด หรือบ้านเดี่ยวระดับหรู
-
🌟 ปรับแต่งได้ตามความชอบ เพิ่มสีหรือลดองค์ประกอบได้โดยไม่เสียสมดุล
-
🌟 รองรับเทคโนโลยีและฟังก์ชันใหม่ ๆ ได้ง่าย เหมาะกับบ้านอัจฉริยะ (Smart Home) หรือสำนักงานที่ทันสมัย
ตัวอย่างการประยุกต์ใช้ Contemporary Interior Design
✅ ห้องนั่งเล่น
ใช้โซฟาทรงเรขาคณิตในโทนสีเบจ พื้นไม้ลามิเนตลายอ่อน ผนังตกแต่งด้วยแผ่นไม้อัดลายเส้น และตกแต่งด้วยไฟดาวน์ไลต์แบบซ่อนแสง
✅ ห้องครัว
ผสมผสานระหว่างตู้สีขาวด้านและเคาน์เตอร์หินแกรนิตสีดำ ติดตั้งไฟ LED ใต้ตู้เพื่อสร้างความลึก และจัดวางเครื่องใช้ไฟฟ้าแบบบิวต์อินเพื่อความกลมกลืน
✅ ห้องทำงาน
จัดโต๊ะทำงานไม้ธรรมชาติ ผนังด้านหลังเป็น texture คอนกรีตเทียม เพิ่มความรู้สึกจริงจังด้วยแสง Warm white และชั้นหนังสือโลหะโปร่ง
Contemporary vs Modern vs Minimal: ต่างกันอย่างไร?
สไตล์ | เน้นอะไรหลัก | วัสดุที่นิยม | โทนสีหลัก |
---|---|---|---|
Contemporary | ความร่วมสมัย, ยืดหยุ่น | ไม้ + โลหะ + ผ้า + หิน | ขาว เทา ดำ น้ำตาล |
Modern | ความเรียบง่ายยุคโมเดิร์น | ไม้ธรรมชาติ กระจก เหล็ก | ขาว เทา น้ำตาลอ่อน |
Minimal | น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น | เฟอร์นิเจอร์ลอยตัว | ขาว ดำ น้ำตาล |
เทคนิคการออกแบบ Contemporary Interior Design อย่างมืออาชีพ
-
เลือกเฟอร์นิเจอร์ที่เรียบแต่มีดีไซน์
-
โซฟาทรงเรขาคณิต
-
โต๊ะกลางแบบโลหะผสมไม้
-
ตู้แบบหน้าบานเรียบไม่มีมือจับ
-
-
ใช้แสงและเงาเพื่อสร้างมิติ
-
วางไฟหลบ (Indirect Lighting) เพื่อเน้นผนัง
-
ใช้ Spot Light เพื่อเน้นของตกแต่งชิ้นสำคัญ
-
-
ไม่ตกแต่งมากเกินไป
-
ปล่อยผนังบางส่วนให้ว่างเปล่า
-
เลือกของตกแต่งไม่เกิน 3–5 ชิ้นในพื้นที่เดียว
-
-
เน้นวัสดุธรรมชาติผสมผสานกับเทคโนโลยี
-
พื้นไม้ลายธรรมชาติ + ผนังกระจก Smart Film
-
ผนังไม้ร่วมกับระบบเสียงฝังในบ้าน
-
สรุป
Contemporary Interior Design ไม่ใช่แค่ความงามแบบ “เรียบแต่หรู” แต่เป็นแนวคิดในการออกแบบที่เน้นความกลมกลืนระหว่าง สุนทรียภาพ, ฟังก์ชัน และการปรับตัวตามยุคสมัย
สำหรับเจ้าของบ้านหรือเจ้าของโครงการที่ต้องการพื้นที่ที่สวย ใช้งานได้จริง และไม่ล้าสมัยในอีก 5–10 ปีข้างหน้า การเลือกใช้ contemporary interior design คือการลงทุนที่คุ้มค่า ทั้งในแง่ความพึงพอใจ และมูลค่าทางอสังหาริมทรัพย์
𝐖𝐘𝐃𝐄 𝐈𝐍𝐓𝐄𝐑𝐈𝐎𝐑 บริการออกแบบและตกแต่งภายใน Interior Design มีแพคเกจหลากหลายให้เลือก
เพื่อตอบโจทย์ความชอบและงบประมาณของลูกค้า พร้อมบริการขนย้ายของ ย้ายบ้าน
.
สามารถดูผลงานเพิ่มเติมได้ที่
หรือสอบถามเบื้องต้นโดยไม่มีค่าใช้จ่าย
สนใจแอด Line : @wyde ( มี @ )
หรือคลิก https://lin.ee/XYQLiAd
📞 Tel : 02-0810000
#WydeWeDesign #wydeint #wydeinterior #wydestudio #interior #decoration #design #home #condo #turnkey #Building #builtin
#Ferniture #Wallpaper #Curtain #ตกแต่งภายใน #ออกแบบภายใน #รับเหมา #ตกแต่งบ้าน #ตกแต่งคอนโด #ตกแต่งภายใน #เฟอร์นิเจอร์
#วอลเปเปอร์ #ผ้าม่าน #ตกแต่งห้อง #ตกแต่งบ้าน #รับติดตั้ง